วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กินลมชมวิว แม่กลางหลวง

ไปดอยอินทนนท์ตั้งหลายครั้งไม่เคยแวะที่แม่กลางหลวงเลย แต่ครั้งนี้เพื่อนพามาพักที่เลย ก็เลยได้เข้ามาครั้งแรก พอดีเรามาในช่วงเดือนพฤศจิกายน เลยเห็นเลยได้เห็นวิวท้องนาสีเหลือง  ใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว หรือใครอยากสัมผัสบรรยากาศท้องนาสีเขียวขจีคละเคล้ากับสายฝนก็มาช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม

คงอยากจะไปกันบ้างละสิจ้าว แม่กลางหลวงนี้อยู่ทางขึ้นดอยอินทนนท์ กิโลเมตรที่ 26 ใครที่อยากนั่งรถประจำทางมาแล้วมานอนพักแบบโฮมสเตย์ก็ขึ้นรถจากจอมทองนั่งรถสายจอมทอง - แม่แจ่มค่าโดยสาร 80 บาท เป็นรถสองแถวสีเหลือง คิวรถอยู่ที่ข้างวัดพระธาตุ ศรีจอมทอง รถนี้จะไปที่ดอยอินทนนท์ บอกเขาว่าลงที่กม. 26 แค่นี้ก็เดินเข้าแม่กลางหลวงได้แล้วจ้าว

แม่กลางหลวงนี้ คนส่วนมากเป็นกระเหรี่ยงที่อพยพมาอยู่ที่นี่นานมากแล้ว อาชีพก็ปลูกข้าว ปลูกกาแฟ เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากที่นี่เป็นเขาเลยปลูกนาแบบขั้นบันได ทำให้มองดูสวยงามจึงเป็นจุดขายของที่นี่

และข้างบนหมู่บ้านเขามีโรงโม่กาแฟ ที่นักท่องเที่ยวได้ชิมฟรี แบบกาแฟสดๆปั่นกันสดๆชงกันสดๆ แต่เมื่อชิมแล้วอย่าลืมอุดหนุนชาวบ้านซื้อกาแฟติดไม่ติดมือกลับไปด้วยนะจ้าว

ที่พักที่แม่กลางหลวง ควรจองล่วงหน้าเพราะส่วนมากจะเต็มในเสาร์ อาทิตย์ หรือใครจะกางเต้นนอนก็ได้ ราคาคนละ 50 บาท ส่วนห้องพักก็ประมาณ 500-1500  แล้วแต่เราจะเลือกจ้าว












ไปดอยอินทนนท์อย่าลืมแวะน้ำตกวชิรธาร

น้ำตกวชิรธาร อยู่ทางขึ้นดอยอินทนนท์ กิโลเมตรที่21แต่ใครที่หวังว่าจะกระโดน้ำเล่นนี่ ช่วงที่น้ำเยอะๆคงต้องผิดหวังกันแล้ว แค่เราเข้าไปใกล้ก็เปียกกันหมดแล้วจ้าว

ชื่อเดิมของน้ำตกวชิรธารก็คือ ตาดฆ้องโยง ที่คนแถววนีเขาเรียกกัน ตาด ภาษาเหนือหมายถึงน้ำตก น้ำตกวชิรธารนี่เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกที่หนึ่ง และที่สำคัญขับรถเข้าไปถึงน้ำตกเลย ไม่ต้องได้เดินไปอีก เหมือนน้ำตกบางที่ที่ต้องเดินไปอีกเป็นกิโลๆกันเลยทีเดียว แล้วอย่าลืมเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อที่จะดูน้ำตกจากข้างบนมีคนบอกว่าสวยสุดๆ แต่เสียดายที่วันที่ไปนั้นไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้เดินขึ้นไป ไว้โอกาศหน้าต้องขึ้นไปชมด้วยตัวเองให้ได้เลย

นอกจากนี้แล้วน้ำตกวชิรธาร บริเวณรอบๆยังมีอาหารเครื่องดื่ม ใครที่อยากมาพักรับประทานอาหารไก่ย่างส้มตำ น้ำตก ที่นี่รสชาติก็ไม่เลวทีเดียวเลยจ้าว 







วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ล่องเรือไปหลวงพระบาง (slow boat to lurng prabang)

  เดียวนี้เขามีรถวิ่งไปหลวงพระบางแล้งนะจ้าว ใช้เวลาหนึ่งคืน แต่ก็ยังชอบที่จะนั่งเรือ ชมบรรยากาศ ชมวิวสองฝั่งโขงและเราสามารถเดินไป เดินมา เข้าห้องน้ำได้สบายกว่านั่งรถ ถึงแม้จะต้องค้างคืนที่ปากแบงก็ตาม 

เราข้ามด่านทางเชียงของ ห้วยทรายแขวงบ่อแก้ว อาจจะนอนที่ห้วยทรายและให้ทางโรงแรมซื้อตั๋วให้ พร้อมรถไปส่งที่ท่าจอดเรือเลย ราคา950 บาท หรือ เราจะซื้อเองก็ต้องหารถไปซื้อตั๋ว และไปขึ้นเรือเอง สรุปก็พอๆกันจ้าว เรือจะออกประมาณ 8-9 โมงเช้า หรือ ช้ากว่านั้น บนเรือมีมาม่า กาแฟขาย แต่ควรซื้อของกินติดมือขึ้นไปด้วยดีกว่าเพราะในเรือค่อนข้างแพงจ้าว 

ถึงปากแบงก็เย็นๆ หาโรงแรม แถวๆนั้น คืนละประมาณ 300-400 บาท มีน้ำอุ่นด้วย แต่ไวไฟไม่มีทุกโรงแรม ตอนหัวค่ำก็นั่งดืมเบียลาวชมวิว บรรยากาศดีมากจ้าว พรุ่งนี้เรือออกไปหลวงพระบาง จะให้ทางโรงแรมซื้อให้ก็ได้ ราคาพอๆกัน ถึงหลวงพระบางเย็นๆ การนั่งเรือนี่อาจเหมาะกับผู้ที่มีเวลาสบายๆ ใครที่มีเวลาน้อยๆก็ลองนั่งรถดูนะจ้าวได้บรรยากาศอีกแบบ


ท่าจอดเรือห้วยทราย

บรรยากาศในเรือสโลว์โบ๊ท

บรรยากาศเรือข้ามฟาก

บรรยากาศสองฝั่งโขง

เรือจอดระหว่างทาง


นั่งเรือช้าจากห้วยทรายไปปากแบงหลวงพระบาง
เรือสโลว์โบ๊ทไปหลวงพระบาง

พิธีแต่งงานลาว (Lao wedding ceremony.)


คนลาวนี่เขาถือนะจ้าว ช่วงเข้าพรรษาเขาไม่จัดงาน มงคลอะไร ไม่ว่าขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน เขาจะนิยมแต่งกันช่วงเดือน กุมภา-พฤษภา ยิ่งช่วงสงกรานต์หลายคู่เลยจ้าว

 อย่างคู่ที่เราไปนี้เป็นญาติพี่น้องกันเอง เขาจะเชิญแขกเรียกว่า เล่า เช่น ไปเล่าคนนั้นคนนี้มางานแต่ง สำหรับญาติเขาจะใช้วิธีเล่าโดยต้องแต่งกายให้สุภาพหน่อยใส่ผ้าถุงและสไบด้วยเวลาไปเล่าญาติ แต่สำหรับคนอื่นๆก็มีบัติเชิญเหมือนกัน

คู่บ่าวสาวจะแต่งตัวเหมือนในรูป จะแต่งแบบลาวเกล้าผม เจ้าบ่าวก็นุ่งโจงกระเบน แขกเรื่อก็มาแต่เช้าแล้วแต่ว่าฤกษ์ดีกี่โมง เอาบัตรเชิณมาใส่ไหเงินไหคำ ด้านหน้าซุ้มทางเข้า อ้อ ลืมบอกไป เขาจะกินกันแบบจุใจมาก สามวันเลย คือวันก่อนแต่งงาน เตรียมของและกลางคืนก็ ทำหมู หรือ ควาย หรือวัว แล้วแต่ พอวันแต่งก็กินกัน เมา วันที่สามก็ช่วยกันเก็บเมาอีกวัน รวมแล้วเมาสามวันจ้าว

พอได้ฤกษ์ดีจะมาอาจารย์มาทำพิธี เสร็จแล้วก็จะผูกข้อมือโดยส่วนมากจะเอาเงินมาผูก เรื่องสินสอดนั้น เขาจะเอาเงินเบี้ย เงินเก่ามาเป็นสินสอด พอเสร็จพิธีผูกข้อมือ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็มาแจกเหล้าบรรดาแขกเหรื่อ และเปิดเพลงเต้นสล็อปบ้างเต้นแล้วแต่เราบ้าง ทางเจ้าภาพเขาก็จะมาเชิญเราเต้น โดยการยกมือไหว้เรา งานนี้อายก็อายแต่ปฏิเศษไม่ได้จ้าว


ทางเข้างาน

ไหเงิน ไหคำ

คู่บ่าวสาวนั่งทำพิธี

ถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว

ถึงเวลาเมากันแล้ว




วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โรงแรมน้ำโขงริเวอร์ไซด์ (Namkhong Riverside Hotel)

พอดีว่าผ่านหน้าโรงแรมและหลังโรงแรมบ่อยๆจ้าว เลยเอาเรื่องโรงแรมในเชียงของมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครอยากมาเที่ยวเชียงของ มาดูสะพานมิตรภาพไทย ลาวแห่งที่4 หรือ จะมาเพื่อข้ามเดินทางต่อไปหลงพระบาง และมองหาโรงแรมในเชียงของ

นางนารีในฐานะเจ้บ้านก็ต้องบอกเล่ารายละเอียดเพื่อให้เป็นอีกตัวเลือกในการหาโรงแรมในเชียงของอีกทางจ้าว โรงแรมน้ำโขงริเวอร์ไซด์ ด้านหลังติดน้ำโขงเลย และด้านหน้าติดถนนสายหลัก ก่อนถึงด่าน และใกล้กับโรงแรมบ้านฝ้าน สังเกตุง่ายๆหน้าโรงแรมมีป้านสวยๆใหญ่ๆ คนก็ชอบไปถ่านรูปกัน เพื่ออัปเดทเฟสบุ๊คว่าถึงเชียงของละนะ ประมาณนั้นจ้าว

และเรื่องอาหารการกินไม่ยากเลยมีร้านกาแฟใกล้ และทุกวันเสาร์มีตลาดไนท์พลาซ่าอยู่หน้าโรงแรมเลย  และถ้าจะเดินทางต่อ ทางโรงแรมมีรถไปส่ง หรือ จะเรียกรถเองก็มีรถผ่านหน้าโรงแรมเรื่อยๆจ้าว ห้องพักมีหลายแบบหลายราคา ทั้งห้องแอร์ พัดลม แล้วแต่เราจะเลือก หรือแล้วแต่กำลังทรัพท์ของเราจ้าว และใครที่มาเชียงของอย่าลืมมาทักทายนางนารีด้วยนะจ้าว



โรงแรมเชียงของ ทีค การ์เด้น (Chiangkhong Teak Garden Hotel)

โรงแรมเชียงของ ทีค การ์เด้น อยู่ถนนสายหลักในเชียงของเลย หากใครที่จะผ่านไปทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเียงของละก็ จะเห็นป้ายใหญ่ข้างหน้า ร้านหมูกระทะซุปเปอร์เลยจ้าว มีเพื่อนมาพักที่นี่ เลยเอามาเล่าสู่กันฟังจ้าว

ห้องพักของโรงแรมเชียงของ ทีค การ์เด้น สะอาดและสวยดีจ้าว แต่ตอนไปพัก พักห้องซีวิว มองเห็นวิวแม่น้ำโขง ราคาจองผ่านอโกด้า พันกว่าบาทจ้าว แต้ห้องพักห้องซีวิวห้องเล็กไปหน่อยจ้าว

ด้านหน้าโรงแรมเขาก็จะจัดสวนสวยๆให้มีมุมไว้ถ่ายรูปอัปเดทเฟสบุคกันตามสมัยจ้าว ใครที่จะมาพักเพื่อรอข้ามไปฝั่งประเทศลาวก็ดีเลยจ้าว เพราะโบกรถได้ที่น่าโรงแรมเลย มีรถตุ๊กๆผ่านเรื่อย หรือใครจะมาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจก็ได้จ้าวเพราะห้องซีวิวมองเห็นวิวประเทศลาวสวยดีจ้าว

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วัดเก็กล๊อกซี (kek lok si temple) เกาะปีนัง

วัดเก็กล๊อกซี (kek lok si temple) เกาะปีนัง อยู่กลางเมืองปีนัง เป็นสถาปัตยกรรมของจีน ในวัดสวยงามมาก และชั้นบนมองเห็นวิวปีนังจากมุมสูง  สวยมาก และแต่ละชั้น จะมีพระพุทธรูปปางต่างๆของจีนให้สักการะ และมีของขาย ทั้งเสื้อผ้า หยก เครื่องราง  ตลอดจนเครื่องประทับ ของที่ระลึกมากมายของขลังมา

ใครที่ได้มาเที่ยวเกาะปีนังแล้ว อย่ามัวแต่เที่ยวทะเลนะจ้าว ลองมาที่วัดนี้ ไหว้พระขอพร เพราะเป็นวัดดังของที่นี่ คนปีนังเขาพามา เขาบอกมาว่ายังนั้น หรือนั่งแท็กซี่มาเลยก็ได้ ราคาไม่แพง และคนที่ปีนังที่เป็นแม่ค้าบางคนเขาก็พูดไทยได้ สงสัยคนไทยมากันเยอะ อาหารที่ปีนนังก็อร่อยมากๆมาทีไรน้ำหนัขึ้นทีสองกิโลเลยจ้าว






ร้านขายของเก่าดอยแม่สลอง

ดอยแม่สลอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวมากอีกที่หนึ่งของเชียงราย แม่สลองตั้งอยู่ที่ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ทางขึ้นไปดอยแม่สลองก็ ชันเหมือนกันจ้าวแต่ดีตรงที่มีป้ายบอกทางโค้งตลอดและถนนถือว่าดีใช้ได้ หากขับกลางคืนก็ถือว่าปลอดภัย ค่อยๆขับไปละกันจ้าว

พอไปถึงที่แม่สลอง ตอนนั้นเซเว่นปิดตอนทุ่มแต่ไม่รู้ตอนนี้จะเปิด 24 ชั่วโมงหรือยัง  ตลาดขายของเก่าที่ดอยแม่สลองนี่มีของขายไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็มีของแบบเขี้ยวหมูป่า เขี้ยวเสือ และของขลังต่างๆ หากใครที่ไปดอยแม่สลองแล้ว อย่าลืมที่จะซื้อของติดไม้ติดมือมาด้วยละกันจ้าว

นอกจากของเก่าของขลังแล้วยังมี ชา ผลไม้เชื่อม ส่วนมากเป็นผลไม้ปลูกเอง ทั้งนั้น และเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆอีกมากมาย ราคาไม่แพงจ้าว อย่างวันที่ไปก็ได้ซื้อเต่านำโชค มาติดรถไว้อันหนึ่ง น่าจะนำโชค จริงๆนะจ้าว






วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กรุงเทพ เชียงของ

มีโอกาศมาเยี่ยมน้องสาวที่กรุงเทพ แถวหมู่บ้านเพชรเกษม 55/2 บางแค พอมาเห็นที่นี่รถเยอะ คนเยอะ และอาหารก็เยอะจ้าว เมื่อก่อนนะ อะไรของทางบ้านเราก็ส่งมาให้ทางนี้ทาน แต่มาดูแล้วบ้านเรากว่าจะได้กินอะไรก็ต้องให้ถึงฤดูนั้นก่อน แต่ที่นี่มีอาหารการกินทุกอย่าง และก็ราคาถูกกว่าที่เชียงของอีก

เลยสงสัยว่าคงส่งจากจีนข้ามเชียงของมาลงกรุงเทพ แล้วส่งจากกรุงเทพมาลงเชียงของอีกทีหรือเปล่า เพราะมีเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับนำเข้า ส่งออก ที่เชียงของ ส่วนมาจะส่งผักพวกบล็กโคลี่ กวางตุ่ง กะหล่ำ และผลไม้ เช่น องุ่น ทับทิมเป็นต้น ส่งมากรุงเทพทั้งนั้น เลยปลกใจว่าเชียงของติดชายแดน แต่ทำไมของแพงกว่ากรุงเทพจ้าว

แต่ว่าผลไม้บางอย่างที่บ้านเราปลูกเอง ชาวบ้านขายเอง ก็จะถูกกว่า แต่แบบนี้ต้องไปตลาดนัด แถวๆนอกเมืองก็ยังคงเห็น ผักกองละ 5 บาทอยู่ แต่ถ้าจะให้เลือกขออยู่บ้านนอกเราดีกว่า เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก อากาสดี นี่มากรุงเทพหลายวันแล้วไม่อยากออกไปไหนเลยจ้าว ขออยู่บ้านนอกสงบๆดีกว่าจ้าว









วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กางเต้นนอนดอยอินทนนท์

เข้าหน้าหนาวกันแล้ว ปีนี้(2557)ยังไม่ได้ไปขึ้นดอยกันเลยจ้าว ได้แต่เอารูปเก่าๆมาเล่าสู่กันฟัง เมื่อปีที่แล้วพาเด็กๆและครอบครัวซึ่งมีทั้งเด็กและคนชราไปกางเต้นท์นอนดอยกัน ที่จริงบ้านเราก็มีดอยกันเยอะแยะ แต่ก็ยังอยากไปดอยกันอีก แปลกนะ

ขับรถขึ้นดอยอินทนนท์ใช้เวลาไม่นานจ้าว แต่ควรเตรียมของกินและเสื้อกันหนาว ไว้ให้เพียงพอ เพราะเด็กและคนแก่นั้น ไม่ค่อยจะทนทานเหมือนเราสาวๆ(หรือเปล่า)สักเท่าไหร่ แต่สรุปว่าการเปลี่ยนบรรยากาศครั้งนี้ เด็กๆและคนแก่ชอบมากๆ ได้นอนแปลกที่ และนอนในเต้นท์ ถ้าเราไม่มีเต้นท์ก็สามารถเช่าของทางอุทยานได้ มีทั้งผ้าห่ม แปลนอน และเต้นท์เล็ก ใหญ่หลายขนาด

เพื่ออยากให้ครบเครื่องก็ควรหาอะไรมาปิ้งย่างกันได้ หรือไม่อย่างนั้นทางอุทยานมีร้านหมูกระทะอยู่อุดหนุนกันได้เลย พอตื่นเช้าก็อย่าพลาดที่จะขับรถขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนจุดชมวิวกันนะจ้าว แต่หนาวนี้คงจะไปดอยไหนสักแห่งที่ยังไม่เคยไป คอยติดตามชมกันนะจ้าว






ไหว้พระจันทร์ ฮ่องกง( Moon Festival.)


เทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ฮ่องกงจัดขึ้นที่ central park อลังการมาก คนก็เยอะมากๆจ้าว แต่มีลานกว้างไว้โชว์มังกรไฟ แต่บังเอิญว่าวันนั้นเขาจัดดึกมากแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงหรือไม่ มีผู้ชม ชาวบ้าน และนักข่าวมานั่งรอดู ตั้งกล้องรอกันเต็มเลย รอไม่ไหวเลยกลับบ้านเสียก่อนจ้าว

และอีกเวทีมีการแสดงโชว์ต่างๆเช่นการฟ้อนรำแบบจีน และการแสดงกายกรรมของจีน เดียวเราเอาคลิปมาให้ชมนะจ้าว และบริเวณงานก็มีการแสดงโคมไฟรูปต่างที่เป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกง เช่น อาหาร หรือดาราคนดัง และที่เป็นขวัญใจเด็กๆคือโคมไฟรูปสัตว์ เช่นแพนด้า ยีราฟ เสือ กระต่าย มากมายให้เด็กๆได้มาดูและถ่ายรูปกัน แต่อยากบอกว่าใครที่มาเที่ยวฮ่องกงกับเทศกาลต่างคนเยอะมากไปไหนมาไหนก็ลำบาก โรงแรมก็ราคาแพง นักท่องเที่ยวแบบประหยัดแบบเราเลือกที่จะเที่ยช่วงโลว์ดีกว่าจ้าว โรงแรมลดราคา คนก็น้อย สะดวกสะบายกว่าจ้าว






คลิปวีดีโอแสดงกายกรรม ที่งานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ฮ่องกง

บทความที่ได้รับความนิยม